
ขอเลือกที่นี่
คำว่าผมขอเลือกที่นี่ทำให้ฉันเกิดความสนใจคนๆนี้ขึ้นมาทันที ณัฐ ชายหนุ่มวัย30ปี อาชีพช่างไฟในบริษัทรับเหมาก่อสร้าง เขาต้องรับจ๊อบ2บริษัทเพราะต้องหาเงินเลี้ยงครอบครัว การทำงานหนักทำให้เขาเลือกที่จะใช้ยาบ้าเพื่อให้มีแรงทำงาน และโดนจับคดีเสพ เลยโดนส่งมาบำบัดที่รพ.ลานสกา ครั้งแรกที่เจอเขาก็ไม่ได้ดูเป็นคนที่ติดยาจ๋าอย่างจินตนาการของคนทั่วไป ก็ดูเหมือนหนุ่มทั่วไป เสื้อยืดสีแดงที่พอดีตัวกับกางเกงยีนส์ ท่าทางสุภาพ เขามากับภรรยาสาวฉันพูดคุยทักทายและบอกเกณฑ์การบำบัดว่ามีอะไรบ้างเขาตั้งใจฟังมากและรับคำว่าจะต้องทำให้ได้ ในช่วงที่ส่งไปตรวจปัสสาวะแฟนของเขาก็บอกว่า “พี่คะหนูขอคุยแทรกหน่อยได้ไหมคะ” เธอบอกว่าเขาและเธอกำลังมีปัญหา ตอนนี้ทั้งเขาและเธอแยกกันอยู่มาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่พอรู้ว่าเขาต้องมาบำบัดเธอก็ขอตามมาให้กำลังใจด้วยทั้งๆที่เขาไม่ต้องการให้เธอมา ฉันยังจำภาพนั้นได้ติดตา เธอร้องไห้ขณะที่เธอเล่าเรื่องราวต่างๆ“พี่ช่วยหนูได้ไหมคะ” ฉันตอบเธออย่างเต็มใจ “ได้ค่ะ พี่จะพยายาม น้องจะให้ความร่วมมอกับพี่โดยการมากับเขาด้วยทุกครั้งได้ไหม” เธอรับคำ ในวันนั้นหลังจากฉันได้ข้อมูลแล้วฉันก็ทำเหมือนไม่รู้เรื่องราวต่างๆของณัฐ ฉันพูดโน้มน้าวสร้างแรงบรรดารใจให้ทั้งคู่ฝึกสมาธิ ทั้งคู่ทำได้ดี และมาตามนัดทุกครั้ง จนถึงช่วงที่ฝึกสติสื่อสาร ทั้งคู่ได้เข้าใจกันมากขึ้นแต่ก็ยังไม่ได้คืนดีกัน ทั้งคู่บอกว่าตอนนี้อารมณ์ดีขึ้นมากไม่ค่อยเครียดเหมือนเมื่อก่อนแล้ว จนถึงการฝึกทบทวนสัมพันธภาพ และแล้ววันที่ภรรยาของณัฐรอคอยก็มาถึง หลังจากทั้งคู่ได้ฝึกทบทวนสัมพันธภาพ การให้อภัยกันและการพิจารณาเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างเป็นกลางทำให้ณัฐมองทุกอย่างอย่างมีสติและยอมรับได้ว่าเหตุการณ์แย่ๆที่เกิดขึ้นนกับครอบครัวเขาจนถึงขั้นต้องแยกกันอยู่นั้นเขาเองก็มีส่วนที่ทำให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น ซึ่งก่อนห้านี้เขาโทษแต่ภรรยาว่าเป็นคนผิด นัดต่อมาทั้งคู่ยังคงมาพร้อมกันเหมือนทุกนัดแต่ครั้งนี้ดูสดชื่น แจ่มใสกว่าครั้งก่อนๆมาก ณัฐรีบบอกทันทีว่า “ผมกับมาอยู่กับภรรยาแล้ว ขอบคุณพี่ติ๋วมากที่ทำให้ครอบครัวเรากลับมาอยู่กันอย่างพร้อมหน้า เป็นครอบครัวอีกครั้ง ” ฉันเห็นภาพของทั้งคู่แล้วรู้สึกภูมิใจและมีความสุขมาก เป็นความสุขที่เกิดจากงานที่ทำด้วยใจ มันมีคุณค่ามากที่ฉันได้มีส่วนทำให้ครอบครัวของณัฐกลับมาอยู่รวมกันเป็นครอบครัวอีกครั้งและเป็นครอบครัวที่มีความสุขกว่าเดิม ณัฐยังคงมาบำบัดตามนัดทุกครั้ง ความคิดของเขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ใจเย็นลง มีสติควบคุมอารมณ์ได้ การทำงานก็ดีขึ้น หัวหน้าให้ความสำคัญมอบหมายงานมากขึ้น ในช่วงระยะเวลาที่บำบัดเดือนที่3 ณัฐได้เลื่อนเป็นหัวหน้าคนงาน ในช่วงปลายเดือนมีนาคม เป็นช่วงที่คุมประพฤติต้องสรุปเคส ณัฐโทรมาปรึกษาว่า “ผมควรจะไปทำเรื่องจบการบำบัดที่คุมประพฤติเลยหรือมาบำบัดที่โรงพยาบาลลานสกาต่อให้ครบดีครับ” ฉันตอบกลับไปว่า แล้วณัฐคิดอย่างไรกับทางเลือกสองแบบนั้น เขาหยุดคิดแป๊ปหนึ่งแล้วบอกว่า “ใจจริงผมอยากบำบัดต่อให้จบ เพราะผมได้ประโยชน์จากการที่มาคุยกับพี่มาก ชีวิตผมดีขึ้น ผมยังอยากได้ความรู้ ได้ข้อคิด และอยากฝึกตัวเองต่ออีก ถ้าไม่ฝึกผมกลัวว่าผมจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีก ที่ผมโทรมาปรึกษาเพราะผมลังเล แต่ตอนนี้ผมตัดสินใจได้แล้วว่า… ผมจะเลือกบำบัดต่อที่นี่ครับ…” แล้วณัฐก็บำบัดครบตามเกณฑ์ ฉันทาบทามณัฐให้มาเล่าเรื่องราวการบำบัดของเขาเพื่อเป็นวิทยาทานให้กับทีมโรงพยาบาลขยายผลเขต11รุ่น2 ในวันประชุม BMK วันนั้นณัฐเล่าเรื่องราวชีวิตของเขาตั้งแต่ก่อนเข้ารับการบำบัด และชีวิตเริ่มเปลี่ยนไปทีละช่วงเมื่อเริ่มบำบัด ทำให้ทุกคนที่ฟังรู้สึกขอบคุณณัฐมากที่ช่วยเล่าประสบการณ์การเข้ารับการบำบัดด้วยโปรแกรมMBTC ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับโรงพยาบาลขยายผลที่จะกลับไปดำเนินงาน ต่อจากนั้นณัฐก็มาติดตามอาการหลังบำบัดสำเร็จทุกเดือน จากสิ่งที่ณัฐเปลี่ยนไปในทางที่ดีทำให้เขาได้รับการสนับสนุนจากแม่ เขาลาออกจากงานเดิม และเริ่มธุรกิจของตัวเอง ผันตัวเองจากลูกน้องมาเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง สร้างครอบครัว สร้างอนาคต ….อย่างมีสติ…