10 อรหันต์แห่งกำโลน

17 พ.ย.65 เป็นวันที่ชาวบ้าน ม.6 กำโลนถูกปลุกให้ตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อตรวจสารแอมเฟตามีนในปัสสาวะ  นำทีมโดยปลัดเดช ตำรวจ และสาธารณสุข  มีทีมจิตเวชและยาเสพติดร่วมประเมินอาการคนไข้ด้วย  ก่อนเที่ยงทีมงานกลับมารายงานว่าตรวจพบ10กว่าราย ในกลุ่มนี้มีผู้ขายและเสพด้วย ฉันแอบกังวลนิดๆ แต่เอาเถอะไม่ว่าจะมาในรูปแบบไหนฉันเชื่อว่าMBTC+BA/BI เอาอยู่  ฉันจึงทำใจให้เป็นกลาง  ฉันต้องเป็นมิตรกับทุกคน ถ้าความคิดของฉันออกมาในทางลบความล้มเหลวคงจะเกิดขึ้น  ทุกรายส่งมาที่รพ.ลานสกาเพื่อพิจารณาว่าควรช่วยเหลืออย่างไร มีทั้งส่งไปรักษาที่ค่าย อส.ท่าเรือ และส่งเข้าบำบัด  ช่วงประมาณ 10.30น. กลุ่มแรกที่ถูกส่งมารับการบำบัดมี 4 ราย คือ 1)นายยุทธนา หนุ่มหล่อสาวสวยในร่างเดียวกัน มาในชุดนอนแขนยาวขายาวลายการ์ตูน พูดเก่ง  อัธยาศัยดี ดูเฟรนลี่ 2) นายสมชาย หนุ่มหล่อ หุ่นดี สูงใหญ่ ผิวขาว เคร่งขรึม  ดูเครียด ไม่ค่อยพูด 3) นายกรวิทย์ หนุ่มน้อยอายุ20 ปี  หน้าตาดี ผิวขาว รูปร่างสันทัด พูดน้อยพอๆกับสมชาย 4) ลัดดา  หญิงแท้ในกลุ่มแรก  ดูผอม แก้มตอบผิดปกไม่สมวัย พูดจาฉะฉาน แคล่วคล่อง ว่องไว มนุษย์สัมพันธ์ดี  รูปลักษณ์ของทุกคนดูไม่ออกว่าเป็นคนติดยายกเว้นลัดดา  ทุกคนการพูดจาโต้ตอบดี  ควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมได้ดี  ฉันเริ่มชวนทุกคนคุยเหมือนว่าไม่เคยรับรู้เหตุการณ์นี้มาก่อน  ทุกคนช่วยกันเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนเช้า  และบอกว่าที่เสพเป็นแค่เหตุบังเอิญ ไม่ได้ติด  ฉันก็ปล่อยให้เขาพูดไปไม่โต้แย้ง ตามหลักการMI ถึงแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง  เพราะธรรมชาติของคนย่อมรักษาภาพลักษณ์ของตัวเอง ฉันค่อยหลอกถามวันหลังก็ได้ ..อิอิ  ฉันเริ่มชวนคุยเรื่องยาเสพติดที่มีผลต่อสมอง  ทำให้เนื้อสมองถูกทำลายและเหลือน้อยลง  ฉันพูดคุยความสำคัญของสมองส่วนหน้า และเปรียบเทียบสมองส่วนหน้าของมนุษย์และสัตว์ ทำให้ทุกคนเห็นความสำคัญของสมองส่วนหน้า และให้ประเมินสมองของตนว่าเหลือเท่าไหร่  สมชายบอกว่าเหลือ 80% ยุทธนาบอกว่าเหลือ 80%  กรวิทย์บอกว่าเหลือ 90% และลัดดาบอกว่าเหลือ 70%  ถึงตอนนี้ฉันกำลังโน้มทุกคนให้เข้าทางแล้ว  ฉันถามต่อว่า  ถ้าเสพต่อไปสมองเราจะเป็นอย่างไร  ทุกคนตอบคงจะเหลือน้อยลงไปเรื่อยๆและคงเหมือนสัตว์ร้าย  ไม่มีใครอยากเป็นเช่นนั้น  ทุกคนอยากให้สมองกลับมาดี 100%  ฉันจึงบอกว่านักวิทยาศาสตร์ได้ทดลองมาแล้วว่ามีวิธีการที่จะทำให้สมองเราฟื้นฟูได้  หลักการคือ  รับรู้ลมหายใจ และไม่คิดเรื่องต่างๆ  เพื่อให้สมองมีพลังงานเหลือมาฟื้นฟูสมอง  ฉันไม่ใช้คำว่าสมาธิกับกลุ่มนี้  เพราะต้องการให้การฟื้นฟูสมองให้ได้100% เป็นแรงจูงใจ  ปรากฏว่าได้ผลดี  ทุกคนมีความหวังที่จะได้สมอง100%กลับคืนมา  ฉันก็จัดการให้ทั้ง4 ฝึกสมาธิเพื่อฟื้นฟูสมอง  หลังฝึก 5 นาที  ทุกคนบอกว่ารู้สึกสมองสงบ  โล่งๆ  ฉับรีบเสริมเลยว่า  ดีมากแสดงว่าสมองเริ่มซ่อมและฟื้นฟูตัวเองแล้ว  ถ้าอยากให้สมองฟื้นฟูมาเป็น100%เร็วๆ  ควรฝึกอย่างไร  เขาก็ตอบกันว่า วันละ2-3 ครั้ง  แล้วทุกคนก็จากลากันด้วยสัมพัธภาพที่ดีและมีความหวังร่วมกันคือสมอง100%  ฉันนัดติดตาม 1 สัปดาห์

ช่วงบ่ายกลุ่มที่ 2 ก็เริ่มมา  มีกัน 5 คน  1) นายเจริญ ชายวัย 45ปี รูปร่างผอม  ผิวขาวกร้าน มีรอยตีนกาลึก สายตาดุแข็งกร้าว มีหนวดเครา ผมรก ดูขรึม เครียด สรุปคือน่ากลัว ฉันแอบนึกในใจว่าใช่คนนี้รึปล่าวที่เป็นผู้ขายรายใหญ่ แต่ก็ต้องรีบเตือนตัวเองว่าเราต้องใช้หลักการMI  2)นางวรรดี อายุ48ปี เป็นภรรยาของนายเจริญ  รูปร่างผอมมาก  ผิวดำคล้ำ ผิวกร้าน แก้มตอบ  ตาลึก มีริ้วรอบบนใบหน้าลึก ทำให้ดูแก่กว่าอายุจริงมาก  สีหน้าเครียดมาก ประเมิน 9Q= 17คะแนน  8Q= 1คะแนน  3. นายสุดที่รัก เป็นคนรูปร่างผอมเล็ก  ผิวสองสี  พูดเก่ง มนุษย์สัมพันธ์ดี 4.นายสโตน เป็นคนตัวโต  ผิวคล้ำ  พูดน้อย ดูเป็นคนตรงๆ  5. นายจีรศักดิ์ เป็นคนรูปร่างสันทัด ผิวคล้ำ มนุษย์สัมพันธ์ดี ทั้ง 5 คนพยายามทำตัวมีมารยาท ถอดรองเท้าก่อนเข้าห้องบำบัด ฉันบอกว่าใส่รองเท้าเข้ามาได้แต่พวกเขาก็บอกว่าไม่เป็นไร ฉันเริ่มสร้างสัมพันธภาพกับทุกคนโดยถามว่าทานข้าวกันแล้วยัง ทุกคนบอกว่าทานแล้ว ทีมปกครองซื้อข้าวหน้าเป็ดมาเลี้ยง ฉันเลยหยกเล่นว่าวันนี้ได้ทานข้าวหน้าเป็ดเลยนะทุกคนหัวเราะเล็กน้อยและเริ่มผ่อนคลาย แล้วฉันก็พูดคุยเนื้อหาต่างๆเหมือนรอบก่อนเที่ยง  เจริญบอกว่าสมองเหลือ 70%  วรรดีบอกว่าสมองเหลือ 60%  สุดที่รักบอกว่าสมองเหลือ 70%  สโตนบอกว่าสมองเหลือ 60%  จีรศักดิ์บอกว่าสมองเหลือ 70% ฉันยังคงพูดโน้มน้าวตามรูปแบบเดิมกับกลุ่มก่อนเที่ยง ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันคือฝึกฟื้นฟูสมองให้กลับคืนมาเป็น100% และจากลากันด้วยสัมพันธภาพที่ดี นัดติดตาม 1 สัปดาห์

25 พ.ย.65  เป็นวันที่ฉันเฝ้ารอดูว่า 9 คนที่นัดไว้จะเป็นอย่างไร  ฉันใช้ทักษะMI ได้ดีแค่ไหน  รูปแบบเนื้อหาที่สำคัญที่ฉันตั้งไว้มากพอที่จะโน้มน้าวเหล่านักเสพตัวยงได้หรือไม่  13.00น.ยังไม่มีใครมาเลย  ความคิดลบเริ่มมา แต่ฉันก็ตั้งสติได้ทัน  ตามประสบการณ์  ผู้ที่มาบำบัดมักจะมาไม่ตรงเวลา  14.30 ฉันเริ่มเห็นรายชื่อของสโตน  รู้สึกใจชื้นขึ้นมา  อย่างน้อยๆก็มาแล้ว 1 คน ฉันชื่นชมสโตนที่มีความรับผิดชอบ  สโตนบอกว่าเขาฝึกรับรู้ลมหายใจทุกวันๆละ2รอบ เช้า-ก่อนนอน แต่ไม่ได้จับเวลา สิ่งที่เขาเปลี่ยนไปคือ ใจเย็นลง  ควบคุมตัวเองไม่ให้ไปเสพยาได้  คุยกับแม่ดีขึ้น  สีหน้าแม่ดูมีความสุข  เขารู้สึกพอใจมาก  หลังจากนั้นคนอื่นๆก็ทยอยมากัน  ยุทธนากับสมชายมาพร้อมกัน  ทั้งคู่บอกว่าได้ฝึกบางวัน  แต่ก็สามารถควบคุมตัวเองไม่ให้เสพยาได้  ลัดดามาพร้อมวันดี  วันดีมีอาการไอมากละมีไข้  ฉันจึงคุยย้ำเล็กน้อยเรื่องการฝึกรับรู้ลมหายใจ และประเมินอาการซึมเศร้าอย่างรวดเร็วแล้วให้ไปตรวจที่จุดARI  ลัดดาอาสาที่จะพาวันดีไปตรวจ  ฉันรีบชื่นชมในความมีน้ำใจของลัดดา เธอยิ้มอย่างภูมิใจ เจริญบอกว่าเขาฝึกรับรู้ลมหายใจทุกวัน  รู้สึกเครียดที่ทำงานไปไม่เหมือนเดิม  เมื่อก่อนเขามีความกล้าในแบบที่ไม่ควรกล้า เช่น ปีนต้นไม้สูงๆโดยไม่กลัวอันตราย  แต่ตอนนี้พอไม่ใช้ยาบ้ากลับมีความกลัวอันตราย และปล่อยวางได้คิดว่ายอมไม่ผูกโยงทุกเรียนลูกที่อยู่ปลายกิ่งบางลูกเพื่อความปลอดภัย  เราเปรียบเทียบเหมือนเมื่อก่อนขับรถยนต์ติดเทอร์โบแต่ตอนนี้ถอดออก ถึงแม้ว่าความเร็วและแรงจะน้อยลงแต่สภาพเครื่องยนต์ก็ไม่เสื่อมเร็ว เขาบอกว่าใช่เลยและก็หัวเราะ  พอภรรยาบ่นเขาก็เลี่ยงไปที่อื่น  ชอบไปอยู่ในสวนผลไม้  ไปอยู่กับธรรมชาติ  ฉันถามว่าภรรยาเป็นยังไงบ้างเขาบอกว่าดูเครียดน้อยลง  หลับได้ดีขึ้น  ฉันฝากให้เขาช่วยเตือนให้ภรรยาฝึกรับรู้ลมหายใจทุกวันเหมือนเขา  วันนี้สีหน้าแววตาของเขาดูไม่แข็งกร้าวเหมือนวันแรก  ยินดีที่จะพูดคุยและฝึกทุกอย่างตามฉัน   สุดที่รักได้ฝึกทุกวัน  บอกว่าใจเย็นลง  ไม่ค่อยเครียด  หลับดี  จีรศักดิ์โทรมาหาสุดที่รักบอกว่าติดธุระไม่สามารถมาได้  ฉันอนุญาตและให้มาวันจันทร์ที่ 28 พ.ย.65  ฉันทบทวนเนื้อหาเดิมที่เคยคุยวันแรกในเรื่องสมองที่ถูกยาเสพติดทำลาย  ความสำคัญของสมองส่วนหน้า และการฝึกฟื้นฟูสมอง  ฉันให้ทุกคนฝึกรับรู้ลมหายใจ 10 นาที  ทุกคนทำได้ดี  นัดติดตามอีก 1 สัปดาห์

28 พ.ย.65  จีรศักดิ์ มาตามนัด  เขาดูมีความกระตือรือร้น  ฉันรีบชมที่เขามีความรับผิดชอบโทรมาลา  เขาดูภูมิใจกับสิ่งที่เขาได้ทำ  เขาบอกว่าฝึกรับรู้ลมหายใจทุกวันๆละ2ครั้ง  ไม่เสพยาบ้า  แต่ยังดื่มน้ำกระท่อมใส่ยาแก้ไอ  ฉันให้ข้อมูลว่ายาแก้ไอทำให้สมองทำงานได้ไม่ดี  ถ้าเขาต้องการให้สมองฟื้นฟู 100% ควรทำอย่างไร  เขาบอกว่าค่อยๆลด และเปลี่ยนจากยาแก้ไอเป็นใส่ชาลิปตันแทน    ฉันทบทวนเนื้อหาเดิมที่เคยคุยวันแรกในเรื่องสมองที่ถูกยาเสพติดทำลาย  ความสำคัญของสมองส่วนหน้า และการฝึกฟื้นฟูสมอง  ฉันให้ฝึกรับรู้ลมหายใจ 10 นาที  ทำได้ดี  นัดติดตามอีก วันที่ 2ธ.ค.65 เพื่อจะได้พร้อมเพื่อนคนอื่นๆ

1 ธ.ค.65 เวลา 11.05น. คนที่10 ก็มา  กัลยา เป็นหญิงวัย 45ปี  รูปร่างสูงใหญ่  ผิวคล้ำ  หน้าตาดูกร้าน กัลยาพูดช้าเพราะคิดหาคำพูดช้า  การสนทนาจึงต้องใจเย็นและคอยลุ้นตลอดเวลา  ฉันใช้รูปแบบการพูดคุยกับเธอเหมือนคนอื่นๆ  เธอพยายามที่จะคิดตามและตอบ  เธอเข้าใจคำเปรียบเทียบต่างๆได้ดี  เธอบอกว่า  สมองเธอน่าจะถูกทำลายไปเล็กน้อย  ฉันถามว่าเล็กน้อยเท่าไหร่  เธอบอกว่าน่าจะเหลือสัก50%  แล้วก็หัวเราะ  เธอบอกว่ายังดีนะที่เธอยังไม่เหมือนสัตว์ร้าย  เธอไม่ก้าวก้าว  ฉันรีบเสริมให้เธอมีความอยากฟื้นฟูสมอง  ดูเธอดีใจมากที่ฉันแนะนำให้ฝึกฟื้นฟูสมอง  ผลตรวจปัสสาวะของเธอยังมีสารแอมเฟตามีน เธอไม่มั่นใจว่ากลับไปจะสามารถหยุดเสพได้ทันที  ฉันจึงเสนอตัวช่วยคือให้พบแพทย์รับยาช่วยลดอาการอยากยาบ้า  ฉันรีบส่งเธอไปพบแพทย์เพื่อให้ทันช่วงเช้า  ฉันกังวลว่าเธอจะไปไม่ถูกจึงเดินตามไปดูหลังบันทึกข้อมูลเสร็จ  ไม่เห็นเธอที่OPD ฉันถามจนท.OPD เขาบอกว่าไม่ทันให้มาตรวจอีกครั้งเวลา 13.30 น.  ฉันกังวลมากกลัวว่าเธอจะไม่มาตรวจ  ตอนเย็นฉันเข้าไปตรวจสอบข้อมูลพบว่าเธอมาตรวจตามเวลา  สมองเธอช้า  แต่เธอก็เป็นคนรักษาคำพูด

2 ธ.ค.65  สโตนยังคงเป็นคนแรกที่มาเหมือนเดิม  ตามด้วยสุดที่รัก  ยุทธนา  สมชาย  สโตนและสุดที่รักฝึกทุกวัน  ทั้งคู่ใจเย็นลง  โดยเฉพาะสโตนใจเย็นลงมากจากเมื่อก่อนเป็นคนใจร้อน  เข้ากับแม่ไม่ได้  ตอนนี้ตั้งใจทำงานเพื่อจะเลี้ยงดูแม่ และใช้เวลากับแม่ให้มากที่สุด  ยุทธนาและสมชายยังฝึกบางวันเหมือนเดิมฉันจึงต้องเน้นย้ำให้เห็นความสำคัญของการฝึกฟื้นฟูสมอง  เขาบอกว่ารู้สึกเฉยๆ  ฉันจึงให้เขาเปรียบเทียบดูว่าเมื่อก่อนกับตอนนี้การควบคุมตัวเองเหมือนหรือต่างกันอย่างไร  เขาบอกว่าเมื่อก่อนคุมไม่ได้  เมื่อรู้สึกอยากก็เสพเลย  ตอนนี้ควบคุมได้ดี  ไม่ค่อยอยาก ฉันจึงบอกว่านั่นคือผลจากการฝึกฟื้นฟูสมอง  สมองส่วนหน้าเริ่มทำงานได้ดีขึ้น  พร้อมให้กำลังใจให้ทุกคนไปถึงเส้นชัย  ลัดดาโทรมาบอกว่าเพิ่งลงจากเขา  ยังมาทันไหม  ฉันบอกว่าทัน  สักพักเธอก็มาด้วยท่าทางเร่งรีบ มือดำ บอกว่ารีบก็รีบดันโซ่รถมอร์เตอร์ไซยังหลุดอีก  ต้องรีบจัดการเอง  ฉันชมในความพยายามของเธอ เธอดูภูมิใจและชอบที่จะมาหาฉัน  เธอฝึกฟื้นฟูสมองทุกวัน  หน้าตาดูแจ่มใสขึ้น  แก้มที่ตอบเริ่มดีขึ้น  สามารถควบคุมตัวเองไม่ให้เสพได้  ฉันแอบคิดว่าเจริญกับวันดีจะมาไหม … และแล้วขณะที่ฉันฝึกลัดดาก็มีเสียงเคาะประตู  ฉันเดินไปเปิด  ผู้ชายคนนี้ใครนะ  อีกคนคือวันดี  ฉันนึกได้ทันทีว่าอ๋อ  เจริญ  เขาดูเปลี่ยนไปมาก  ตัดผมเรียบร้อย  สีหน้าแววตาที่ดูอ่อนโยนไม่แข็งกร้าวเหมือนครั้งแรก  ริ้วรอยบนใบหน้าลดลง  หน้าตาอิ่มเอิบ เขาดูหนุ่มและหล่อขึ้น 555  วันดีก็ดูดีขึ้นแต่ไม่เท่าสามี  ฉันบอกว่าเจริญดูดีขึ้นเยอะรู้ตัวไหม  เขาก็บอกว่าลูกก็ทักว่าพ่อดูหล่อขึ้น  อารมณ์ดี  ดูเขาพอใจกับสิ่งที่เปลี่ยนไปมาก  วันดีคะแนนซึมเศร้าลดลง 9Q=8 , 8Q=0 คะแนน  เจริญบอกว่าจากที่เขาสังเกต  ความเครียดของวันดีเหลือประมาณ 40%  วันดีบอกว่าเธอยังเครียดกับอาการของลูกชายหัวปีที่พูดคนเดียว  ไม่มั่นใจว่าลูกยังเสพยาหรือไม่  แต่ทานยาจิตเวชทุกวัน  เราช่วยกันคิดหาหนทางที่จะควบคุมลูกชายไม่ให้เสพยา  จึงออกอุบายให้วันดีอ้อนลูกชายให้ช่วยดูแลตนเมื่อไปสวน  อ้างว่าช่วงนี้เวียนหัวบ่อย  ทั้งคู่คิดว่าน่าจะเป็นอุบายที่ดีที่สุดตอนนี้จะลองทำดู  วันดียิ้มอย่างมีความหวัง  และนัดกันอีก 1 สัปดาห์  วันดีบอกว่ากรวิทย์ฝากแจ้งลาเนื่องจากติดงานที่ต่างอำเภอ  ฉันเกิดการเรียนรู้จากกลุ่มนี้ว่า  การที่ผู้เข้าบำบัดอยู่บ้านใกล้กัน รู้จักกัน  เขาจะช่วยเหลือและคอยเตือนกันเมื่อถึงวันนัด  ฉันหวังว่า 10 คนนี้จะผ่านไปถึงเส้นชัยกันทุกคน

ช่วงที่ฉันกังวลมากๆว่าเขาจะมาฝั่งฉันหรือไปทางเดิมก็หมดไป  ทุกคนมองเห็นข้อเสียของการใช้ยาเสพติด  ต่างก็ขยันทำมาหากิน  ฉันขอบคุณทุกครั้งที่พวกเขาได้พยายามมาบำบัดถึงแม้ว่าจะไม่ตรงเวลา  เพราะพวกเขาต้องลงจากเขาซึ่งมีสวนมังคุด สวนทุเรียนบนเทือกเขาหลวง  ต้องใช้เวลาในการเดินทาง  โดยเฉพาะคู่สามี-ภรรยาที่มาทั้งชุดทำสวน มาอย่างเร่งรีบและยังมีอาการเหนื่อย  แต่เขาทั้งคู่ก็มาด้วยความตั้งใจ  คนที่ต้องไปทำงานต่างอำเภอก็พยายามมาบำบัด  ขอขอบคุณทักษะ ชมเป็น  ถามเป็น แนะเป็น ที่ช่วยทำให้ เขาทั้ง 10 ยอมอยู่ฝั่งฉัน และขอบคุณ MBTC ที่ช่วยให้พวกเขาเลิกเสพยาบ้าได้ และมีความหวังที่จะมีชีวิตที่ดี …..