CQI/สิ่งประดิษฐ์ นวัตกรรม เรื่อง : รู้ลมหายใจ รู้ในกิจที่ทำ ความดันเปลี่ยน

บทคัดย่อ (CQI/สิ่งประดิษฐ์ นวัตกรรม)

ชื่อผลงาน: รู้ลมหายใจ รู้ในกิจที่ทำความดันเปลี่ยน

คำสำคัญ: รู้ลมหายใจหมายถึง การรู้ในลมที่ปอดสูบเข้าออกทางจมูกหรือทางปาก

รู้ในกิจที่ทำ คือ การคุมจิตไว้ในกิจ หมายถึง อาการที่จิตนึกถึงสิ่งที่จะทำ จะพูดได้ เป็นอาการที่จิตไม่

หลงลืม ระงับยับยั้งใจได้ ไม่ให้เลินเล่อพลั้งเผลอ

ความดัน หลายถึง ความดันโลหิต (blood pressure)  หมายถึง  แรงดันภายในหลอดเลือดแดง ซึ่งเกิดจากการที่หัวใจบีบตัวฉีดเลือดที่มีออกซิเจนและสารอื่นๆ เข้าสู่หลอดเลือดแดง เพื่อดันเลือดให้กระจายไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย วัดค่าได้ 2 ค่า คือ ค่าสูงสุดของแรงดันโลหิตหรือความดันซิสโตลิก (systolic blood pressure)  ซึ่งเป็นค่าวัดได้ขณะที่หัวใจบีบเลือดเข้าสู่หลอดเลือดแดง ระดับที่เหมาะสมของค่านี้ คือ น้อยกว่า 120 มิลลิเมตรปรอท และค่าต่ำสุดของแรงดันโลหิต หรือความดันไดแอสโตลิก (diastolic blood pressure) เป็นค่าที่วัดในขณะที่หัวใจหยุดพักการบีบตัว ระดับค่าที่เหมาะสม คือ น้อยกว่า 80 มิลลิเมตรปรอท

บทคัดย่อ:  

จากปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพที่เพิ่มมากขึ้นทำให้คนไทยมีแนวโน้มสูงต่อการเจ็บป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่มากขึ้น จากข้อมูลการให้บริการคลินิกโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงของโรงพยาบาลสำโรงทาบพบว่ามีจำนวนผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นทุกปี ผู้ป่วยโรคเบาหวานในปี2562,2563 และ2564 มีจำนวน  3,284, 3,526และ 3,981คน ตามลำดับ โรคความดันโลหิตสูงในปี 2562,2563 และ2564 มีจำนวน 1,931 ,2,034และ2147 คน ตามลำดับ จากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดความแออัด การบริการมีความเร่งรีบ ทำให้ขาดคุณภาพ การประเมินผู้ป่วยไม่ครอบคลุม การให้ข้อมูลผู้ป่วย ไม่ครบถ้วน ส่งผลให้ผู้ป่วยจำนวนหนึ่งไม่มาตรวจรักษาตามนัดเนื่องจากความเบื่อหน่าย ในการเดินทาง และมีความลำบากในการมารับบริการ ส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนด้วย โรคหลอดเลือดสมองและหลอดเลือดหัวใจ มีภาวะน้ำตาลในเลือด ระดับความดันโลหิตสูง คณะทำงานNCDได้มีการปรับเปลี่ยนการทำงานโดยให้บริการคลินิก DM/HT ในรพ.สต.เดือนละ 1 ครั้งยกเว้นผู้ป่วยที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและระดับความดันโลหิตได้จำเป็นต้องอยู่ในความดูแลของโรงพยาบาลชุมชนต่อไป

สาระสำคัญ

  1. ปัญหาและสาเหตุโดยย่อ :

จากการที่จำนวนผู้ป่วยในคลินิกโรคเรื้อรังในโรงพยาบาลชุมชนเพิ่มมากขึ้นและส่วนใหญ่เป็นกลุ่มควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและระดับความดันโลหิตได้ไม่ดี ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ประจำคลินิกต้องดูแลผู้มีความเสี่ยงอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นขณะรอรับบริการ ได้แก่ จัดรถนั่ง เปลนอนสำหรับผู้ที่มีอาการเหนื่อยเพลียมาก ระดับน้ำตาลในเลือด และระดับความดันโลหิตสูงหรือต่ำเกินไปแต่ยังไม่ถึงระดับที่ต้องส่งไปรับบริการห้องฉุกเฉิน  พนักงานช่วยเหลือคนไข้ต้องคอยเดินสอบถามอาการเปลี่ยนแปลงเป็นระยะๆ ท่ามกลางข้อจำกัดด้านอัตรากำลัง ผู้รับบริการ ไม่สุขสบาย ไม่พึงพอใจ ผู้ให้บริการมีภาวะเครียดและกดดัน รถนั่ง เปลนอนไม่เพียงพอต่อการให้บริการ ต้องพาผู้ป่วยไปนอนพักที่ห้องตรวจที่OPD เปลนอนที่จอดเรียงรายขัดขวางการรอรับบริการผู้ป่วยรายอื่น กระทบต่อการให้บริการหลายจุดบริการ

กิจกรรมการพัฒนา:

คัดเลือกผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตตั้งแต่140/90mmHg-180/100mmHgที่ไม่มีอาการผิดปกติและปฏิเสธการนอนบนเปลนอน เข้ากลุ่มทำกิจกรรมสติบำบัด จำนวนสมาชิกกลุ่มครั้งละ10-15คน ซึ่งกระทำโดยนักสติบำบัด ใช้เวลา 15 นาทีโดยวิธีฝึกการหายใจ ฝึกอยู่กับลมหายใจเข้าออก มีสติรู้ในกิจที่ทำ

การวัดผลและผลการเปลี่ยนแปลง

พบว่าผู้ป่วยทุกรายที่ผ่านการทำกิจกรรมกลุ่มความดันโลหิตลดลงทุกราย ไม่ต้องใช้เปลนอน สามารถลดการใช้ทรัพยากรของโรงพยาบาลได้และช่วยให้มีพื้นที่ในการรอรับบริการได้มากขึ้น

แผนภูมิที่ 1 แสดงข้อมูล จำนวนผู้รับบริการที่มีความดันโลหิตสูงและจำนวนการใช้เปลนอนในการรอรับบริการ

ในคลินิกเบาหวานความดันโรงพยาบาลสำโรงทาบระหว่างเดือนม.ค.- พ.ค. 2565

จากแผนภูมิที่  1   พบว่า ถึงแม้จำนวนผู้รับบริการที่มีความดันโลหิตสูง มีปริมาณที่ใกล้เคียงกันใน

แต่ละเดือนตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤษภาคม 2565  เนื่องจากเหตุปัจจัยหลายอย่างของผู้ป่วยแต่ละคน แต่หลังจากได้มีการปรับปรุงระบบบริการดูแลผู้ป่วยโดยใช้กิจกรรมสติบำบัดมาช่วยเข้ากลุ่มส่งผลให้จำนวนการใช้เปลนอนในการรอรับบริการลดน้อยลง

บทเรียนที่ได้รับ :

  1.  การฝึกสติ รู้ลมหายใจรู้ในกิจที่ทำให้เกิดสมาธิและมีสติ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ดีขึ้น
  2.  ประหยัดทรัพยากร ลดต้นทุนในการดูแลผู้ป่วย
  3. สามารถกระทำได้กับผู้รับบริการทุกกลุ่ม

การติดต่อกับทีมงาน:  นางนิรันดร์  สร้อยระย้า กลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติด  โรงพยาบาลสำโรงทาบ

นางลือ มีแก้ว  กลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติด โรงพยาบาลสำโรงทาบ โทรศัพท์ 044-569080 ต่อ 120

 

ที่มา : รพ. สำโรงทาบ